เด็กน้อย 5 ขวบรอดปาฏิหาริย์ คลานออกจากใต้รถไฟ หลังพ่ออุ้มโดดหวังฆ่าตัวตายคู่

เด็กน้อย 5 ขวบรอดปาฏิหาริย์ คลานออกจากใต้รถไฟ หลังพ่ออุ้มโดดหวังฆ่าตัวตายคู่

เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา มีรายงานเหตุการณ์สลดและระทึกขวัญที่สถานีรถไฟใต้ดินคิงส์บริดจ์โรด ในย่านบรองซ์ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หลังนายแฟร์นานโด บาลบูเอนา-ฟลอเรส วัย 45 ปี อุ้มลูกสาวตัวน้อย วัย 5 ขวบ กระโดดตัดหน้ารถไฟหวังฆ่าตัวตาย โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมากซึ่งล้วนแต่อยู่ในอาการตกตะลึง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเช้า โดยหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า 

ตนเดินทางไปใช้บริการที่สถานีรถไฟดังกล่าว กระทั่งเวลาเกือบๆ 08.00 น. และรถไฟก็กำลังจะเข้ามาจอดเทียบท่าที่ชานชาลา ขณะนั้นเองนายแฟร์นานโดก็อุ้มลูกกระโดดลงไปในรางรถไฟ ตัดหน้ารถไฟพอดี จนถูกชนอย่างจัง จากนั้นร่างทั้งสองก็หายเข้าไปใต้รถไฟ

หลังเกิดเหตุขึ้นก็เกิดการชุลมุนโดย นายอันโตนิโอ เลิฟ ชายหนุ่ม วัย 32 ปี และชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่พบเหตุการณ์ ได้กระโดดลงไปในรางรถไฟเพื่อช่วยกันก้มดูและตะโกนเรียกสองพ่อลูก แต่ก็พบว่าผู้เป็นพ่อแน่นิ่งไปแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาเห็นว่าเด็กน้อยที่มีเลือดออกที่ศีรษะรอดชีวิต โดยร้องไห้อยู่ข้างศพพ่อ ร้องเรียกพ่อ ซึ่งเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง

ชายทั้งสองได้เรียกให้หนูน้อยคลานออกมา เธอจึงทำตาม และโผล่ออกมาจากใต้รถไฟ จากนั้นพวกเขาก็อุ้มเด็กขึ้นไปบนชานชาลา โดยมีผู้หญิงหลายคนเข้ามาช่วยกันปลอบโยนเด็กน้อยรายนี้

หลังจากนั้น เด็กน้อยได้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยแพทย์พบว่ามีแผลบางจุด แต่โดยรวมแล้วเด็กปลอดภัยดี ซึ่ง นูร์กา การาเบโญ่ แม่ของหนูน้อย พร้อมด้วยพ่อทูนหัวของเธอ ได้เร่งเดินทางไปดูลูก และได้พาเด็กเดินทางกลับบ้านในเวลาประมาณ 15.30 น. ในวันเดียวกัน

แม่เด็กเผยว่า ลูกสาวปลอดภัยดีแล้ว และขอบคุณพระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้ลูกสาวรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี ยกเว้นแต่ว่า แฟร์นานโด สามีของเธอ ผู้เป็นพ่อของลูก ได้จากครอบครัวไปแล้ว อย่างไม่มีวันกลับ

ด้านเพื่อนบ้านของครอบครัวนี้อย่าง แอนโธนี วูด กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจมากที่ได้รับรู้ข่าวร้ายนี้ และเท่าที่รู้จักกันมา แฟร์นานโดเป็นพ่อที่ดีมาก รักลูก และมักจะพาลูกออกไปเดินเที่ยวเล่นที่สวนสาธารณะอยู่เสมอ จึงไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ซานนาเล่าว่า เธอชะโงกหน้าออกมาดูตรงหน้าต่างห้องครัว ก็เห็นร่างเด็กชายแอนตันตกลงกระแทกพื้นด้านล่าง เป็นภาพสุดสะเทือนใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์โทรเรียกรถพยาบาลและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นประมาณ 10 นาที พ่อและแม่เด็กก็ลงมาดูลูกชายด้านล่างก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง และพบว่าเด็กชายเสียชีวิตแล้วเนื่องจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนเสียหายอย่างรุนแรง

ตำรวจได้สอบสวนทั้งพ่อและแม่ของแอนตัน เพราะนอกจากทั้งสองจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลแล้วยังเป็นต้นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตายด้วย ทั้งสองยอมรับกับตำรวจว่าทุบตีแอนตันในวันเกิดเหตุจริง ก่อนที่เด็กชายจะวิ่งไปกระโดดหนีออกมาจากหน้าต่าง โดยยอมรับด้วยว่าตีลูกบ่อย ทางตำรวจจึงส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากทั้งสองถูกตัดสินว่ามีความความผิดจริง พ่อและแม่เด็กจะมีโทษจำคุก 5 ปี

ทัพเรือสหรัฐฯเผย ไม่รู้ว่า “วัตถุประหลาด” คืออะไร หลังคลิปที่ถูกถ่ายตั้งแต่ปี 2004 ถูกเผยแพร่

UFO กับปริศนามนุษย์ต่างดาว อยู่คู่สังคมโลกมาค่อนข้างนาน เราได้เห็นวีดีโอและภาพถ่ายที่เชื่อว่าเป็นยานอวกาศจากนอกโลกมากมาย หลายครั้งก็เป็นเพียงการทำขึ้นมาหลอกๆเพื่อความสนุกสนาน แต่บางครั้งก็กลายเป็นเรื่องซีเรียส ตัวอย่างเช่นเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมาได้มีการเปิดเผยคลิปวีดีโอ ที่ถูกบันทุกไว้เมื่อปี 2004

โดยขณะทำการซ้อมบิน อินฟาเรตที่ติดอยู่บนเครื่องบินรบ F18 ที่มีอดีตนักบินแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ David Fravor ขับอยู่ ได้จรวจจับวัตถุประหลาด บินลอยอยู่เหนือน่านฟ้าที่ความสูง 20,000 ฟุต ซึ่งนักบินคนดังกล่าวยืนยันว่า เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน หลังจากนั้น ขณะที่เขากำลังพยายามนำเครื่องบินเข้าไปใกล้ วัตถุดังกล่าวก็เร่งความเร็วหนีไป

ล่าสุด หลังเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายปี กองทัพเรือสหรัฐฯได้มีการเปิดเผข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์วัตถุประหลาดดังกล่าวว่า พวกเขาไม่สามารถอธิบายวัตถุที่เห็นในคลิปดังกล่าวได้ และไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาเรียกมันว่า UAP “unidentified aerial phenomena” หรือ “ปรากฏการณ์วัตถุประหลาดบนท้องฟ้าที่ไม่สามารถอธิบายได้” ซึ่งวัตถุดังกล่าวอาจจะใช่หรือไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้

Nessie แห่งทะเลสอบ Loch Ness ตำนานสิ่งมีชีวิตลึกลับลักษณะคล้ายไดโนเสา กับภาพปริศนาที่เล่าขานกันมานับหลายศัตวรรษ สิ่งมีชีวิตที่หลุดมาจากโลกดึกดำบรรพ์ถูกเล่าขานกันมานานจนเกิดเป็นข้อสงสัยว่า เจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ มีตัวตนจริงหรือไม่ ภาพที่ถ่ายอันโด่งดังใบนั้น เป็นภาพจริงหรือไม่

หากพูดถึงภาพถ่ายดังกล่าว ก็คงเกิดเป็นคำถามว่า ภาพนั้นเป็นภาพจริงหรือภาพตัดต่อ เพราะภาพดังกล่าวถูกถ่ายเมื่อปี 1934 หรือ 85 ปีที่แล้ว หากข้อสงสัยที่ว่าเป็นภาพตัดต่อ แล้วตัดต่ออย่างไร และทำเพื่ออะไร นอกจากนี้ยังมีพยานที่เป็นผู้สูงอายุ บอกเล่าเรื่องราวสิ่งที่เห็นในลักษณะเดียวกันอีกหลายคน เป็นการตอกย้ำว่า Nessie มีตัวตนจริง แต่เมื่อเวลาผ่านๆไปปริศนานี้ก็ค่อยๆถูกลบเลือนออกจากความสนใจไคร่รู้ของผู้คน

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า